รีวิว I Wanna Dance with Somebody ตั้งแต่เขาเสียชีวิต ชีวิตของวิทนีย์ ฮูสตันได้รับการสำรวจในสารคดี 2 เรื่อง ได้แก่ Whitney: Can I Be Me (2017) และ Whitney (2018) รวมถึงภาพยนตร์ที่สร้างเพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ วิทนีย์ โดย Angela Bassett นำแสดงโดย Yaya DaCosta แต่ยังไม่มีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวางไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือสารคดี มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 45 ล้านเหรียญภายใต้ชื่อ Clive Davis จนกระทั่ง Sony Pictures ออกหนังสืออัตชีวประวัติอีกเล่มของนักร้องหญิงผู้ล่วงลับ Whitney Houston: I Wanna Dance with Somebody บุคคลสำคัญที่วิทนีย์ทำงานอย่างใกล้ชิดตลอดชีวิตของเธอ: Anthony McCarten โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ และผู้เขียนบทของ “Bohemian Rhapsody” (2018)
Contributed Article ภาพยนตร์เริ่มต้นในปี 1983 ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ บ้านเกิดของวิทนีย์ หรือสาววัยรุ่นที่ใครๆ ก็เรียกว่า “แนปปี้” ที่รักการร้องเพลง เธอเกิดมาจากแม่ของนักร้องนักแต่งเพลง ซิสซี ฮูสตัน และลูกพี่ลูกน้อง ดิออน วอร์วิค เธอร้องเพลงในโบสถ์และเรียนการขับร้องประสานเสียงให้แม่ของเธอในคืนที่ไคลฟ์ที่คลับ Sweetwaters New York นั่งดู วิทนีย์ทำให้ไคลฟ์ประหลาดใจด้วยการร้องเพลง “The Greatest Love of All” ของจอร์จ เบนสัน เขาสัญญากับเธอว่าจะเซ็นสัญญาเป็นศิลปินเร็วๆ นี้ เรื่องต่อมาคือภาพยนตร์ที่สร้างชื่อเสียงและยอดขายจากสามอัลบั้มแรกของวิทนีย์ (วิทนีย์ ฮุสตัน, วิทนีย์, I’m Your Baby Tonight) ความสำเร็จของวิทนีย์จนได้เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Bodyguard .
หนังเล่าเรื่องความสำเร็จทางดนตรีและอุปสรรคระหว่างทาง โดนโจมตีจากกลุ่มแฟน ๆ และนักวิจารณ์ รวมถึง “Whitney can’t make music black enough” ฉันเจอแล้ว และแต่งงานกันในเวลาต่อมา ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน 1 คนชื่อ Bobbi Kristina Brown (วิทนีย์เคยแท้งลูกครั้งหนึ่งระหว่างถ่ายทำ “The Bodyguard” ที่กล่าวถึงในภาพยนตร์)
ชั่วโมงสุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นด้านมืดในชีวิตของวิทนีย์ ทั้งคู่ทะเลาะกับสามี ถูกพ่อทุบตี (ซึ่งดูแลธุรกิจ) ยักยอกเงิน และรู้สึกหดหู่ใจกับโรบิน เพื่อนรักที่ผันตัวเป็นศิลปิน ติดยาต้องเข้ารับการบำบัด ชื่อเสียง และผลงานตกต่ำต่อเนื่องจนถึงวันที่ 11 ก.พ. 2555 ศิลปินเจ้าของฉายา “เดอะวอยซ์” จมน้ำเสียชีวิตในอ่างอาบน้ำของโรงแรม ก่อนแสดง “โฮม” ในงาน
หนังชีวิต Whitney Houston รีวิว I Wanna Dance with Somebody
รีวิว I Wanna Dance with Somebody Naomi Ackie นักแสดงสาวชาวอังกฤษ รับบทเป็น Whitney Houston ได้อย่างสมบูรณ์แบบ (แม้ว่าเธอจะดูเหมือนบรั่นดีก็ตาม) ถึงกระนั้น ฉันต้องยอมรับว่าความจริงที่ว่าแอกกี้ลิปซิงค์เพลงของวิทนีย์ทั้งเพลงนั้นยอดเยี่ยมมาก พลังของภาพยนตร์ (นอกเหนือจากโบสถ์และฉากซ้อม) ลดลง และเช่นเดียวกับเวทมนตร์ ทารอน เอเจอร์ตันร้องเพลง Elton John ใน Rocketman (2019) Renée Zellweger ร้องเพลง Judy, Garland ใน “Judy” (2019) และแอกกี้ใน “Bohemian Rhapsody ” (2018) ใช้แนวทางเดียวกับ Rami Malik เช่นเดียวกับ Freddie Mercury และแม้แต่ลิปซิงค์ ฉันต้องยอมรับว่ามันไม่มีอะไรเลย นักแสดงร่วมคนอื่นๆ ที่โดดเด่นที่สุด สแตนลีย์ ทุชชี รับบท ไคลฟ์ เดวิด และทามารา ทูนีย์ รับบท ซิสซี แม่ของวิทนีย์ ผู้สอนให้เราใช้ “หัว ใจ และความกล้า” เพื่อให้โดดเด่นในทุกรูปลักษณ์
Cassie Lemmons ผู้กำกับหญิงที่เชี่ยวชาญด้านภาพยนตร์และละครเพลงคนผิวดำ เช่น Talk to Me (2007), Black Nativity (2013) และ Herriet (2019) ได้สร้างฉากเต้นรำกับใครบางคนที่ฉันไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า “ฉันต้องการ” ถึง”. ศิลปินหญิงที่น่าจดจำ ปัญหาใหญ่คือสคริปต์ที่ไม่น่าเชื่อนั้นเขียนโดยคนๆ เดียวกับ “Bohemian Rhapsody” เพราะตลอด 146 นาที (ค่อนข้างยาว) ของหนังเล่าเรื่องแบบไร้พลัง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เธอเปล่งประกายในวงการหรือตอนที่เธอมีชีวิตที่มืดมนและเยือกเย็น ส่วนที่น่าสนใจเพียงอย่างเดียวคือความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของเขากับโรบิน โรบินเปิดเผยในหนังสือของเธอในปี 2562 เท่านั้น
เกิดจากความไม่แน่ใจในการเลือกว่าจะโฟกัสประเด็นใด ความพิการของศิลปิน, พ่อที่โลภ, ความรักที่ปวดร้าวกับบ็อบบี้ บราวน์, ความรักของ LGBT กับโรบินที่ไม่มีชื่อ, วงจรยาเสพติดที่ไม่มีวันจบสิ้น และอีกมากมาย เราเลือกที่จะ ‘เล่าทั้งหมด’ (ตัวอย่างที่ดีคือ “จูดี้” ที่เล่าถึงวาระสุดท้ายของจูดี้ การ์แลนด์ก่อนเสียชีวิต มีการใช้เหตุการณ์ย้อนหลัง) เพื่อเล่าเรื่อง)
หนังชีวิตที่ไม่ฮิตโน้ต
เป็นที่ยอมรับว่าเพลงของ Whitney Houston ส่วนใหญ่เป็นเพลงรักและขาดความลึกซึ้งในการเล่าเรื่อง น่าเสียดาย (เมื่อเทียบกับเพลงของ Elton John หรือ Queen) ที่ Lemmons ไม่ได้เล่าเรื่องไปพร้อมกับเพลง แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ที่นั่นเป็นครั้งคราวก็ตาม ตัวอย่างเช่น “มันไม่ถูกต้อง แต่ไม่เป็นไร” เมื่อเขาเลิกกับบ็อบบี้ บราวน์โดยรู้ว่าเขามีผู้หญิงคนอื่น “ฉันจะรู้ได้อย่างไร” เมื่อเธอพบกับเจอร์เมน แจ็คสันเป็นครั้งแรก หรือ “ฉันไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของเขา” เธอร้องเพลงในช่วงเวลาที่เปราะบางบนเวทีกับโอปราห์ วินฟรีย์ (ใช้เพียงครั้งเดียวในเพลง “I Will Always Love You” ซึ่งเพิ่มเข้ามาในฉาก) เราเลือกที่จะให้ (ลิปซิงค์) โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนจบมีการผสมเพลงสามเพลงที่วิทนีย์ร้องในเพลงอเมริกัน: “I Love You, Porgy” “And I’m Telling You I’m Not Going” และ “I Have Nothing” เป็นชีวิตที่ดีที่สุดที่ทุกคนปรารถนา “ยัดเยียด” แทน เช่นฉากเมดเลย์ของ Freddie Mercury บนเวทีที่ Live Aid (“Bohemian Rhapsody,” “Radio Gaga,” “We Are The Champions”) คือ “เยี่ยมมาก! ฉันไม่รู้สึก ภาพยนตร์เรื่อง “โบฮีเมียน แรปโซดี”
อันที่จริง การเลือกชื่อภาพยนตร์เรื่อง “I Wanna Dance With Somebody” ของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องผิดพลาด ท้ายที่สุดแล้วมันไม่ได้สื่อถึงสิ่งใดๆ ในภาพยนตร์ แต่นี่ไม่ใช่การแสดงที่น่าผิดหวังและสนุกสนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นแฟนเพลงหรือรู้จักเพลงของวิทนีย์ ยกเว้นว่าจะมาพร้อมกับสคริปต์เช่นการอ่านชีวประวัติของ Whitney Houston ใน Wikipedia แล้วแทรกลงในคลิปสดบน YouTube เธอคือ “Mama” นักร้องที่ทรงพลังที่สุดแห่งยุค ด้วยช่วงเวลาที่มีชื่อเสียงและโด่งดังของเธอ นี่คือชีวประวัติของนักร้อง-นักแต่งเพลง วิทนีย์ ฮูสตัน ที่แสดงใน I Wanna Dance with Somebody: A Wonderful Life… Whitney Houston เจ้าของเพลงคลาสสิกอมตะมากมายถือเป็นอีกชีวิตของตำนานเพลงที่มาสู่จอเงิน เรื่องนี้จะสร้างเสน่ห์และความมหัศจรรย์ให้กับหนังแนวย้อนยุคได้หรือไม่?
คนเดียวในโลกที่ได้รับฉายา The Voice เธอคือ Whitney Houston ที่ใครหลายคนเรียกเธอตรงๆ จากการสร้างสถิติการเลือกตั้งทั่วไป และนี่คือเส้นทางชีวิตที่จำกัดมากของเธอ ทั้งสุขและทุกข์ หลากหลายอารมณ์และเส้นทางในวงการเพลง . ตั้งแต่นักร้องประสานเสียงในโบสถ์เล็กๆ ไปจนถึงซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก กับเสียงร้องทรงพลังที่โลกไม่มีวันลืมรีวิว I Wanna Dance with Somebody
ต้องเชื่อมโยงกันง่ายๆ ว่า I Wanna Dance with Somebody เป็นชีวประวัติเกี่ยวกับนักร้องชื่อดัง มันน่าผิดหวังเล็กน้อย โดยที่หนังจำอะไรไม่ค่อยได้เลย ในหลายๆ ด้าน ผู้กำกับหญิง “เคซีย์ เลมมอนส์” ซึ่งเคยสร้างภาพยนตร์เข้าชิงออสการ์ของแฮเรียตมาแล้ว มาคุมงานสร้าง ดูเหมือนว่าชีวิตดีว่าคนนี้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ที่ยังคงรสชาติไม่จัดจ้านจนเกินไป มัน
เรนจ์เสียงทรงพลัง แต่ยังไม่ถึงระดับมหัศจรรย์
I Wanna Dance with Somebody เป็นเหมือนภาพยนตร์ที่เรียบง่ายเกี่ยวกับชีวิตของวิทนีย์ โดยจับภาพช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของเธอ เลือกการแสดงสดที่โดดเด่นซึ่งครั้งหนึ่งคุณประทับใจ และทำซ้ำเป็นชั้นๆ ติดตามเรื่องราวแบบยิงต่อช็อต โดยไม่มีลูกเล่นและลูกเล่นมากมาย งานสร้างจัดได้ดีตามมาตรฐาน ในส่วนนี้ค่อนข้างเซฟเพลย์ โดยเฉพาะเรื่องการแสดงและเพลงประกอบ ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เลือกใช้เพลงประกอบต้นฉบับตลอดทั้งเรื่อง
ฉันไม่ได้บอกว่าการใช้กลไกนี้ไม่ดี แต่พองานเสร็จไปก็ไม่ถึงจุดนั้น ภาพรวมที่ออกมาให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการแสดงหลอกๆ นี่คือจุดที่ไฮไลท์ของภาพยนตร์ควรทำงานได้ดีที่สุด แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร และส่งผลไปถึงภาพรวมของ Performance Factor ด้วย คุณต้องเข้าใจว่า “นาโอมิ แอคกี้” มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ เธอเป็นเพียงตัวละครหลัก ไม่ได้ช่วยยกระดับมากนัก ครึ่งแรกเป็นช่วงเวลาที่น่าติดตาม แต่มันไม่ได้ไปไกลถึงการสร้างพลังในครึ่งหลังซึ่งเป็นห้วงแห่งดราม่าที่เข้มข้นรีวิว I Wanna Dance with Somebody
เช่นเดียวกับนักแสดงสมทบคนอื่นๆ เช่น ‘Stanley Tucci,’ ‘Tamara Tuney,’ ‘Clark Peters,’ และ ‘Ashton Sanders’ ดูเหมือนว่าเป็นเพียงตัวละครสมทบเท่านั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ใส่ใจในรายละเอียดมากมาย ลืมที่จะใส่ใจ หยิบมาใส่เพราะนั่นคือทั้งหมดที่คุณต้องการ โดยเฉพาะบทของสแตน ลี คือถ้าคุณใส่ใจมากกว่านี้ บทบาทของเขาน่าจะแข็งแกร่งกว่านี้ อันที่จริง ความเป็นมืออาชีพของเขาผลักดันเขาไปสู่ระดับรางวัล อืม แต่มันไม่ใช่หนังที่ไม่ดี เพียงแต่องค์ประกอบหลายอย่างของภาพยนตร์เรื่องนี้ขาดเสน่ห์ที่ควรจะเป็น การเล่าเรื่องยังจืดชืดไปหน่อย แม้ว่าเวลาหน้าจอสองชั่วโมงขึ้นไปจะเพียงพอ นี่คือจุดที่ขาดการเชื่อมต่อกับผู้ชม ไม่ว่านักแสดงจะเก่งแค่ไหนแต่เรื่องราวกลับไม่เหมือนเดิม ยังไม่ตื่นตาตื่นใจ